google ban

Banned by Google

 

วันนี้มาแบบไม่ได้อิงทฤษฏีจากที่ไหนนะครับ คือจากการวิเคราะห์ของตัวผมเองล้วน ๆ เพราะฉะนั้นหากใครมีความคิดเห็นต่างหรือเพิ่มเติม ก็ช่วยแนะนำมาด้วยนะครับ

หลาย ๆ คนที่อยู่ในวงการ SEO นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นสิงค์นักปั่น โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญขั้นเทพนั้น อาจจะมีวิธีหลีกเลี่ยงการโดนจับกุม (ภายในสามวัน) จากพี่ Google อยู่ หรือเทพ ๆ บางท่านบอกเอาไว้ว่า “หากคิดจะอยู่สายปั่นอย่ากลัวการโดนแบน เพราะหากโดนก็ปั่นใหม่ไม่กลัวอยู่แล้ว” ซึ่งก็ถือว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจไม่น้อย หาก Google มาได้ยืนเข้าคงจี๊ดน่าดู หุหุ … อย่างไรก็ตาม เทพ ๆ เหล่านั้นน่าจะมีวิธีชะลอการโดนจับได้อยู่ เพราะว่ายิ่งโดนจับช้าก็ยิ่งดีอยู่แล้ว ในขณะที่ผู้เข้าวงการหน้าใหม่ ๆ หรือยังรู้เท่าไม่ถึงการคิดว่าไม่เสี่ยง แต่แท้จริงแล้ว โดน Google ซุ่มดูท่าทีอยู่นานหลายสัปดาห์ แล้วก็จัดการทีเดียวหลาย ๆ เว็บ พร้อม ๆ กันหลังจากมั่นใจว่าเว็บเหล่านั้นสายปั่นชัวร์

สิ่งที่ทำให้ Google ไม่ฟันผิดตัว ทั้ง ๆ ที่นักปั่นบางกลุ่มก็พยายามหลีกเลี่ยงอยู่บ้างแล้ว ก็คือ พฤติกรรมบางอย่างของนักปั่นเหล่านั้่นที่สามารถบ่งบอกได้ถึง ความน่าจะเป็นเจ้าของคนเดียวหรือกลุ่มเดียวกันสูงนั่นเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นมีดังนี้

0.การใช้งาน Tools ของ Google – สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่นักปั่นทั่งหลายรู้อยู่แล้ว และพยายามหลีกเลี่ยง (เช่น Google Analytics, Google Webmaster Tools, Google Tool Bar, Google Chrome, หรืออื่น ๆ) ซึ่งหากเป็นสายปั่นจริง ๆ ก็คงต้องเลี่ยงเพราะจะโดนจับได้ในพริบตาเลยทีเดียว คงไม่อธิบายอะไรมากนะครับในส่วนนี้ …. แต่หากไม่ใช่สายปั่น เครื่องมือเหล่านี้่จะมีประโยชน์มาก ในการต่อยอดทำเว็บให้มีประสิทธิภาพ  ควรหามาใช้ โดยเฉพาะ GA และ GWT นะครับ

1. Backlinks มากจากแหล่งเดียวกันจำนวนมาก – การที่เว็บไซต์หลาย ๆ เว็บมากจากแหล่งเดียวกันจำนวนมากนั้น หากผมเป็น Google ละก็ ผมจะ list เว็บเหล่านั้นไว้เป็นผู้ต้องสงสัยอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าคนหลาย ๆ กลุ่มจะมีการบอกว่าให้ใช้เว็บบอร์ดหรือเว็บซับมิตนู้นนี้นั้น  ทำให้ได้ Backlink มาจากแหล่งเดียวกันอยู่บ้าง แต่หากคนเหล่านั้นไม่ใช่นักปั่น ทั้งจำนวนและลำดับการได้มาของ Backlink นั้นย่อมเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ Google ทำได้แค่สงสัยเท่านั้น …

แต่หากเป็นนักปั่น ยิ่งใช้โปรแกรมด้วยแล้ว และยิ่งไม่พยายามสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นการสุ่ม จะเป็นที่น่าสงสัยมาก เช่น มีอยู่สิบเว็บ แล้วซับมิตเว็บละ 3 ลิ้งค์ ต่อวัน (เพื่อหลีกเลี่ยงการปั่นแบบเร็วเกินไป) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการก้าวไปอย่างมั่นคง เพียงแต่สิบเว็บนั้น ได้วันละ 3 backlinks มาจากที่เดียวกันหมด เพราะใช้ imacro ในการซํบมิต (บางคนยิ่งนัก เพราะไปจัดเว็บซับมิต แบบ user เดียวกันหมด ด้วยความสบายที่ไม่ต้องตั้งโปรแกรมสมัคร user ใหม่ ) คุณลองคิดดูสิว่า backlink ถึงแม้จะแค่ 3 ลิ้งค์เข้ามาให่ แต่ไอ้เจ้า 3 ลิ้งค์ใหม่ ๆ นั้นมาจากที่เดียวกันซ้ำ ๆ ทุกวันเนี่ยมันน่าสงสัยมั้ย?

บางคนอาจจะมีแหล่ง backlink ที่ตัวเองหามาเพิ่มเอง ไม่ได้มาจากเว็บบอร์ด ซึ่งหากนำไปใช้กับเว็บตัวเองทั้งหมดนั้น จะยิ่งถูกระบุความเป็นเจ้าของได้ง่าย เพราะคนอื่นไม่มี แต่ตัวเองก็เน้นความง่าย เพราะถ้ามีอยู่ 100 backlink ทุกเว็บจะได้หมด ไม่ต้องเสียเวลาไปหาเพิ่มให้เหนื่อย … แต่สุดท้ายจะต้องเหนื่อยเพราะมานั่งปั่นใหม่นี่แหละ (ในส่วนนี้คิดว่ายังมี pattern คล้าย ๆ กันนี้อีกเยอะ ก็ขอให้ลองคิดดูกันเอาเองแล้วกันครับ ว่าทำยังไงถึงจะได้ความเป็นธรรมชาติมา)

2.พฤติกรรมการใช้งาน Google – เนื่องด้วยผมเคยทำ Minor Thesis หัวข้อเกี่ยวกับการพยายามใช้ประโยชน์จาก search engine มา (ซึ่งงานนั้นถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลใน Implicit association via crowd-sourced coselection ด้วย แต่นั่นก็เพราะที่ปรึกษาผมเก่งนะครับไม่ใช่ผม ผมแค่ช่วยเสริมบ้างเล็กน้อย ฮ่า ๆ ๆ … แล้วก็งานนี้ไม่ใช่งานด้าน SEO นะ) และทำให้ผมได้เห็นข้อมูลบางส่วนที่ได้มาจาก SE (Search Engine) อยู่บ้าง ข้อมูลเหล่านั้นไม่ใช่ข้อมูลอะไรสำคัญหรือเป็นประโยชน์ในการทำ SEO นะครับ แต่เกี่ยวกับการเอาพฤติกรรมของ user ในการ search มาวิเคราะห์เท่านั้น (ตัว Dataset ไม่ใช่ของ Google และได้รับมาแค่ข้อมูลบางส่วนต้องใช้ในงานวิจัยเท่านั้น) …

มันเป็นการที่ทำให้แน่ใจได้่ว่า ทาง SE  รวมถึง Google ด้วยเนี่ย สามารถติดตามพฤติกรรมของคุณได้ โดยวิเคราะห์จาก คำค้นหา (query/ keyword) และการเปลี่ยนแปลงคำค้นหา (refined query) ผ่านทางหมายเลข ip หรือ session การ search นั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบันทาง SE น่าจะเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ไว้เยอะขึ้นมาก และไม่เปิดเผยให้ได้รู้ด้วย

บางคนอาจจะยังงง อยู่ผมขอยกตัวอย่างเลยแล้วกัน เช่น คุณเริ่ม search ด้วยคำว่า เที่ยวเมืองไทย (อันนี้คือ query หรือ keyword) แล้วเปลี่ยนเป็น เที่ยวทะเลเมืองไทย (อันนี้คือ refined query หรือ refined keyword) …. ซึ่งบางคนคอยเช็คอันดับเว็บตัวเองเป็นระยะ ๆ โดยการใช้ คำค้นหาและคำที่เปลี่ยนแปลงนี้ บ่อย ๆ … และการกระทำซ้ำ ๆ ๆ นี้เองทำให้ Google มีความมั่นใจมากขึ้นว่า คุณจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเว็บหลาย ๆ เว็บตรงนี้แน่ (นั่นหมายความว่า เว็บเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันเอง) ซึ่งหากมี backlinks มาจากที่เดียวกันด้วยละก็ หรือมีการลิ้งค์ไปมาหากันด้วยละก็ เหอ ๆ … ระวังตัวไว้น้าาาาาา

…………. น่าจะยังมีมากกว่านี้อีกเยอะ แต่เอาคร่าว ๆ กันไปเท่านั้นก่อนแล้วกันครับ … ที่จริงไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ จะรู้จุดนี้กันอยู่แล้วหรือเปล่า แต่ถ้ายังไม่รู้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ และจะได้ระวังตัวกันได้มากขึ้นนะ ส่วนใครมีคอมเม้นเพิ่มเติม ยังไง จัดมาได้เลยนะครับ แล้วก็ขอบคุณที่อุตส่าห์แวะมาอ่านด้วยนะคร้าบบบบบบ

6 Comments on ทำไมโดนแบนยกโฮส ยกโหล Google รู้ได้ไง?

  1. อดามัส says:

    เพิ่งรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองขึ้นมาทันทีเลย หลังจากอ่านบทความนี้ ดีมากเลยค่ะ คราวนหา้จะได้ไม่พลาด

    ปล.กูเกิ้ลนี่มันเรื่องมากจริง ๆ คนทำงานแทบตาย มาโดนแบนเสีย T____T นี่เว็บเราก็โดนแบน ทั้ง ๆ ที่สร้างเว็บมาถูกต้อง แต่เพิ่งมารู้ว่าการทำแบ็คลิงค์เป็นการทำร้ายตัวเองไปซะนี่ เฮ้อ….อ เดี๋ยวต้องไปตามหาวิธีแก้

  2. nudee says:

    ตอนนี้ทำ คีย์ เกมส์ อยู่อ่ะค่ะ ตอนแรกติดอันดับ 2 ประมาณปีกว่า แล้วตอนนี้ทำกันสองคนเว็บที่เราเข้าไปเปลี่ยนหัวข้อ เนื้อหา ตอนนี้เราโดนแบบเข้าไปทำไรไม่ได้เลยแต่อีกคนโพสที่เว็บเดิมหัวข้อเดิมๆทุกแต่url ใช้เหมือนเรานะเกี่ยวไหมที่เราโดนแบบเพราะสาเหตุเพื่อนปั่น (ขอบคุณค่ะ)

    • Ngokung says:

      ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น การโดนแบนก็ไม่ใช่ว่าจะโดนกันง่าย ๆ นะครับ ถ้าไม่ปั่น เพราะตัว Checklist ที่ให้พนักงาน Google ฟันธงว่า ปั่นหรือไม่ปั่น ยังไม่ให้เลือกว่า “ไม่แน่นอน” ด้วย เพราะงั้นถ้ายังอยู่ในขั้นไม่แน่นอน น่าจะยังไม่โดนแบนนะครับ แต่ถ้าคุณหรือเพื่อนไปทำอะไรที่มัน ไม่ถูกแบบชัดเจนก็อาจจะเป็นได้ครับ

  3. nana says:

    ได้ความรู้เพิ้ม ขอบคุณครับ

  4. Boysim says:

    ถ้าเว้บใน gwt เดียวกัน link หากันบ้าง
    จะเป็นอะไรไหมครับ

    • Ngokung says:

      จำได้ว่า Matt Cutt เคยบอกว่าได้นะครับ ถ้าหากไม่ใช่แบบเป็นการ Link มาแบบเยอะ ๆ

Leave a Reply

*


*